วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คนเราเมื่อถูกเสียดทานด้วยทุกข์อุปาทานอยู่ หน้าที่คือต้องทำให้พ้นทุกข์ หรือเข้าใจง่ายๆว่าความทุกข์ เกิดจากความคิดแล้วไปยึดติด หน้าที่สำคัญ ทำอย่างไรจึงจะปล่อยวางความคิด ที่ยึดมั่นถือมั่นได้  ปัญหาเฉพาะหน้าคือต้องทำสิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านเน้นย้ำว่าสิ่งที่ท่านรู้เหมือนใบไม้ทั้งป่า แต่สิ่งที่ท่านนำมาสอนเป็นแค่ใบไม้กำมือเดียว คือเรื่องทุกข์กับดับทุกข์ แต่คนเรามักจะไปสนใจ เรื่องตายแล้วเกิด ตายแล้วสูญ ชาตินี้ ชาติหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่รองลงไปจากความทุกข์ที่เป็นอยู่ในปัจุบัน ท่านกล่าวไว้ว่าเหมือนคนถูกยิงด้วยลูกศร ปัญหาเฉาะหน้าคือต้องเอาลูกศรออกจากร่างกายก่อนที่จะไปค้นหาความจริงว่าใครยิง ยิงทำไม ลูกศรทำด้วยอะไร  เมื่อเราจับหลักการได้ว่า เราศึกษาชีวิตก็เพื่อการดับทุกข์ ที่เรียกว่าทุกข์อุปาทาน เพื่อบรรลุสภาวะที่เรียกว่านิพพาน คือความดับเย็นแห่งจิตใจ ไม่ปรุงแต่งจนเกิดความยึดมั่นถือมั่น ที่ท่านเรียกว่าทำพระนิพพานให้แจ้ง การรู้แจ้งหรือการหยั่งรู้ที่เรียกว่าการรู้ หรือผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อวัดของคนโบราณ ไม่ว่าจะเป็นวัดโพธิ์ วัดแจ้ง วัดอรุณ ก็น่าจะมาจากความหมายเดียวกัน
      ความทุกข์อุปาทานคือการยึดมั่นถือมั่นในความคิดเป็นเพราะเรารู้ไม่เท่าทันความคิด ถ้าไม่ห้ามความคิดโดยการไปนั่งสมาธิเพื่อกดข่ม ก็ไปดูหนังฟังเพลง อ่านนิยาย  เราก็มักจะเข้าไปในความคิดหรือทำไปตามความคิดคือคิดอะไรขึ้นมาก็ทำไปตามความคิด ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ให้โทษภัยกับตัวเองบ้าง คนอื่นบ้าง สังคมบ้าง บางทีก็เป็นประโยชน์ บางทีก็เป็นโทษ แต่ส่วนใหญ่จะก่อให้เกิดความทุกข์กับตนเอง เพราะไม่สามารถละได้ แม้สิ่งทีดีถ้าเรายึดมั่นถือมั่นก็ยังเป็นทุกข์อยู่ วิธีที่จะพ้นจากความทุกข์อุปาทานก็คือการเฝ้าดูความคิด รู้ เห็น แต่ไม่เป็นไปกับความคิด เป็นเพียงผู้ดูมิได้เป็นผู้แสดง

 ตอบ ตอบทุกคน ส่งต่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น