วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

จดหมาย ทาสความคิดหรือชีวิตหลุดพ้น

ทาสความคิด หรือชีวิตห​ลุดพ้น จดหมายฉบับ​ที่หนึ่ง
กล่องจดหมายX
สมชาย หรั่งเจริญตัวตนเป็นผลรวมของสิ่งที่เราที่กิน สิ่งที่เราคิดและสิ่งที่เราทำ ท่านผู้รู้ท่าน...
15 ก.พ. (13 วันที่แล้ว)

สมชาย หรั่งเจริญ s.rangcharoen@gmail.com ถึง ฉัน, viyothin, sakda
แสดงรายละเอียด 15 ก.พ. (13 วันที่แล้ว)
ตัวตนเป็นผลรวมของสิ่งที่เราที่กิน สิ่งที่เราคิดและสิ่งที่เราทำ ท่านผู้รู้ท่านกล่าวไว้
-  สิ่งทีเราคิดเป็นต้นตอของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา
 -  จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว หรือความคิดคือนายกายคือบ่าว
-จากความคิดเป็นการกระทำ กระทำบ่อยๆเป็นความเคยชิน ทำด้วยความเคยชินบ่อยๆก็กลายเป็นนิสัย  นิสัยทำบ่อยๆหรือซ้ำๆก็จะกลายเป็นอุปนิสัยหรือที่เรียกว่าสันดาน และกลายเป็นชะตากรรมในที่สุด
 ท่าทีต่อความคิดของคนเรามีอยู่สามอย่างคือ
 1  เข้าไปในความคิดหรือมีวิถีชีวิตที่เป็นไปตามความคิด เช่น รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนดูละครแล้วอินน์ กับบทบาทของตัวแสดงซึ่งคนทั่วๆไปเป็นกันอยู่
 2  ห้ามความคิดหรือหลีกหนีความคิด ด้วยการเบี่ยงเบนหรือกดเข่ม เช่นดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือแม้แต่การทำสมาธิ ซึ่งเป็นการฝืนธรรมชาติ เพราะธรรมชาติคนเราต้องคิด เหมือนเครื่องขยายเสียง ถ้าเครื่องปกติ ไมโครโฟนไปรับเสียงอะไรมาก็ต้องขยายไม่วาจะเป็นเสียงหัวเราะ หรือร้องไห้
3 เฝ้าดูความคิด คือไม่ห้ามความคิด ไม่เข้าไปในความคิด แต่เฝ้าดูความคิดแทน การเฝ้าดูความคิดที่เรียกว่า วิปัสสนาเป็นความหมายที่แปลว่าต่างเก่าล่วงภาวะเดิม แต่โยปกติเรามักจะติดคิด คือคิดอะไรก็เป็นไปตามความคิดหรือไม่ก็มักจะหักห้ามความคิดแต่สุดท้ายเราก็ไยแพ้ต่อความคิด เพราะการกดข่มก็ดี การเป็นไปตามความคิดก็ดี ล้วนแล้วแต่สร้างความเสียดทานให้กับชีวิตเรา
การเฝ้าดูความคิดเป็นหนทางออกอีกทางหนึ่งที่เราใช้จัดการกับความคิด โดยเดินตามแนวทางของท่านผู้รู้ทั้งหลาย ที่ได้พยายามทดลองค้นคว้าปฎิบัติ แล้วนำมาบอกเล่าให้คนรุ่นหลังได้เดินตามด้วยหมายใจจะให้พ้นจากความทุกข์
 -ท่านผู้รู้ท่านบอกว่าความทุกข์ เกิดจากความคิดแล้วยึดมั่นถือมั่นที่เรียกว่าตัวกู ของกู ด้วยความหลงผิดไม่เห็นกระแสของความคิดที่แท้จริงซึ่งเกิดดับอยู่ตลอดเวลา โดยหลงเข้าไปในคลองความคิดและตกอยู่ใต้อาณัติของความคิด
 -ท่านผู้รู้ที่เป็นสัพพัญญู อย่างพระพุทธเจ้าท่านศึกษา ทดลองปฎิบัติจนกระทั่งเข้าถึงที่เรียกว่าตรัสรู้  (ตรัส-ดำรัส =-พูด) เป็นการหยั่งรู้
ถ้าเป็นอย่างเราๆก็เรียกว่าเข้าใจ คือมันเข้าไปอยู่ในใจลึกจนกระทั่งสิ้นความสงสัย
   - ตามที่เราเรียนรู้กันมาพระพุทธเจ้าในอดีตก็คือเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง แต่เมื่อท่านไปบำเพ็ญเพียรทางจิตจึงได้เปลี่ยนเป็นพุทธะ ซศึ่งแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    -เมื่อท่านตรัสรู้ท่านอุทานว่า"สัตว์ทั้งหลายแท้จริงคือเราตถาคต ซึ่งหมายความว่ามนุษย์ทุกคนเป็นได้เหมือนพระพุทธเจ้าคือมีพุทธะอยู่ในทุกตัวคน ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ก็ตาม เราจึงไหว้พุทธะ ที่อยู่ในตัวคนกัน ถ้ายังไม่รู้ก็เรียกว่ายังหลับอยู่ แต่เมื่อใดที่รู้แล้วก็จะเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นการยืนยันว่าใจป็นนายกายเป็นบ่าว แต่ต้องฝึกฝึกจิตฝึกใจให้สามารถป็นนายที่ดี นำพากายให้ไปสู่สิ่งที่ดีได้
 ตอบ ตอบทุกคน ส่งต่อ เชิญ สมชาย หรั่งเจริญ เข้าร่วมแชท

 ตอบ |donpo chaiyo.com ถึง wirot
แสดงรายละเอียด 15 ก.พ. (13 วันที่แล้ว)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น